วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

Esri map ทำแผนที่แล้วแชร์ให้เพื่อน ๆ ทำยังไง ไปดู!!!

Esri map ทำแผนที่แล้วแชร์ให้เพื่อน ๆ ทำยังไง ไปดู!!!     

    สวัสดีครับ ผมขอเล่าเรื่องราวที่ได้ไปลงพื้นที่เมื่อสัปดาห์ก่อนให้ฟังหน่อยนะครับ ในฐานะนักวิชาการส่งเสริมการเกษตร ผมได้มีโอกาสไปสำรวจพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำเค็ม ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลต่อการทำการเกษตรของพี่น้องเกษตรกร

    ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ เรามีการแบ่งทีมออกเป็นหลายชุดเพื่อเก็บข้อมูลให้ครอบคลุมมากที่สุด แต่ละทีมจะไปเก็บพิกัดตำแหน่งต่าง ๆ พร้อมบันทึกข้อมูลพื้นฐานของแต่ละจุด เช่น ชื่อและที่อยู่ของเกษตรกร ประเภทการทำเกษตร ความเสียหายที่ได้รับจากน้ำเค็ม เป็นต้น

    พอทุกทีมเก็บข้อมูลเสร็จแล้ว ผมเองก็อยากเห็นภาพรวมว่าใครไปทำอะไรที่ไหนบ้าง เลยเกิดไอเดียที่จะนำข้อมูลมาใส่ใน Esri map เพื่อแสดงเป็นจุด ๆ บนแผนที่ และแชร์ให้คนอื่น ๆ เห็นได้ด้วย ซึ่งจะทำให้เราเห็นการกระจายตัวของพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบได้ชัดเจนยิ่งขึ้น


เอาล่ะ ผมจะมาแชร์เทคนิคการใช้ Esri map ให้ฟังแบบเป็นขั้นตอนเลยนะ ใครผ่านเข้ามาดู ก็เอาไว้ลองใช้กันได้ 


เข้ามาที่เว็บ https://www.arcgis.com/index.html หน้าตาจะประมาณ นี้



จากนั้น ก็สมัครและ login ให้เรียบร้อย การสมัครก็แสนง่าย มีกรอกข้อมูลนิดหน่อย


เข้ามาแล้ว ก็จะได้แบบนี้ แล้วกดเข้าไปที่ ส่วนของ “แผนที่”




จากนั้นให้กด เพิ่ม > เรียกดูชั้นข้อมูล นะครับ



จากนั้นมาในส่วนของการเรียกดูชั้นข้อมูล โดยให้เลือกมาที่ Arcgis Online ครับ



แล้วมาที่ Arcgis Online แล้วค้นหาชั้นข้อมูลที่ต้องการ ตรงนี้ผมค้นคำว่า Thailand ผลก็ขึ้นมา เช่น ขอบเขตจังหวัด หรืออำเภอต่าง ๆ ในเว็บก็มีให้อยู่ เราก็กดเพิ่มข้อมูลได้เลย



จากนั้นมาในส่วนของชั้นข้อมูล (1) เราก็จะเจอข้อมูลที่เราเพิ่มไว้เมื่อกี้ (2) เมื่อเราเลือกชั้นข้อมูลเช่นผมกดเลือก ขอบเขตอำเภอ เราสามารถเปลี่ยนรูปแบบ สี เส้นขอบ ได้ในส่วนของ สไตล์ (3) และ (4)



จากนั้นก็ปรับรูปแบบตามที่เราต้องการครับ โดยมาก จะทำให้สีใส เหลือแต่เส้นขอบ เพื่อให้ดูง่าย



ก็จะได้ประมาณนี้ครับ 


 ต่อไป คือการ นำเข้าไฟล์ต่าง ๆ จากภายนอก ในรูปแบบข้อมูลทางภูมิศาสตร์ ไฟล์ CSV หรือ GeoJson หรือ shape file




จากนั้นจะมีหน้าต่างขึ้นมา เราก็เลือกไฟล์จากในเครื่องได้เลยครับ



ตัวอย่างใน case นี้ คือ จุดพิกัดที่เจ้าหน้าที่ กว่า 50 คน กระจายไปประชาสัมพันธ์และเก็บข้อมูล กรณีน้ำเค็มรุกพื้นที่การเกษตร เป็นการกรอก google form ข้อมูลพื้นฐาน รวมถึงพิกัด รวมแล้วได้ ประมาณ 350 จุด ภายใน 3 วันทำการ

จากนั้น ก็โหลดผลการบันทึก google form มาเป็นไฟล์ excel แต่ปัญหาคือ เก็บพิกัดมาเป็น XY อาจจะต้องแปลงเป็น lat long ซึ่งวิธีการแปลงจำนวน 350 จุดทีเดียว ก็แสนง่ายครับ โดยการโหลดไฟล์ excel จาก https://giscrack.com/download-excel-template-convert-geographic-coordinates-utm/

จากนั้นก็แปลงไฟล์ excel เป็น CSV เพื่อเตรียมนำเข้าใน map



พอนำเข้ามาแล้ว ตัวโปรแกรมจะถามถึงรายละเอียดต่าง ๆ ที่ต้องการเพิ่มเข้าไปในแผนที่ ตรงนี้ก็จะอ้างตาม column ที่อยู่ในไฟล์ Excel ที่แปลงเป็น CSV   ก็จะเห็นว่า ระบบ มองเห็น column ต่าง ๆ ในไฟล์ของเรา ร่วมทั้ง column ที่เป็น พิกัด lat long จากนั้นให้กด ถัดไป



แล้วระบบสามารถรู้ได้เอง แต่ก็จะถามว่า ใช้ละติจูด จาก collumn หรือ field ที่ชื่อว่า latitude ใช่ไหม เราก็ถัดไปได้เลย




จากนั้นก็ตั้งชื่อไฟล์ และโฟดอร์ ที่จะไปเก็บไว้ จากนั้นก็กดสร้างและเพิ่มลงแผนที่ได้เลย



มาแล้วววววว จุดในพื้นที่ของเรา สามารถไปแก้ไขรูปแบบ(1) + (2)



แต่ถ้าอยากให้จำแนกรูปแบบ ให้ไปกดเพิ่มฟิลด์



จากนั้น มาเลือกว่าจะใช้อะไรเป็นตัวจำแนก ในเคสนี้ ผมเลือกให้จำแนกโดยอำเภอ ถ้าต่างอำเภอกันให้สีต่างกัน  ก็จะได้แบบนี้ ในตัวอย่าง มีการเก็บข้อมูลอำเภอมาด้วย จึงเลือกแบ่งสีด้วยอำเภอ แต่จะมีจุดสำเทา ๆ อยู่ จุดเหล่านั้น ไม่มีค่าอำเภอ เพราะตอนเก็บข้อมูลประเภทกลุ่มเกษตรกร เราไม่ได้เก็บข้อมูลอำเภอด้วยใน google form




ต่อมาเป็นการปรับการแสดงผล เวลาเรากดที่จุดต่าง ๆ (1) ซึ่งค่าเหล่านี้ (2) จะเรียงตาม column ใน ไฟล์ Excel ที่เรามีในตอนแรก(ก่อนที่จะแปลงเป็น CSV) เราสามารถมาขขยับได้ในเมนู popup (3) แล้วมาตรงรายการฟิลด์ (4) จากนั้นมาลากสิ่งที่ต้องการให้แสดง ก่อน-หลังหรือ บน-ล่าง ในส่วนที่ (5)



หรือจะเปลี่นยชื่อที่แสดงในหน้าต่าง popup ก็ได้ โดยมาเลือกเมนู ฟิลด์(1) จากนั้นเลือกสิ่งที่ต้องการเปลี่ยน (2) และเปลี่ยนในช่องที่ขึ้นมา (3)



ต่อไปเป็นการทำป้ายชื่อของแต่ละจุดในแผนที่ ทำได้โดยการไปกดที่เมนู ป้ายชื่อ (1) จากนั้นเลือกฟิลด์ (2) ว่าอยากให้แสดงผลอย่างไร ในเคสนี้ ให้แสดงผลเป็นชนิดพืชของแต่ละตำแหน่งที่เก็บข้อมูลมา



ทำเสร็จแล้วอย่าลืมบันทึกแผนที่ โดยไปที่เมนู บันทึกและเปิด จากนั้นกดจัดเก็บ เพื่อ save แผนที่ของเราไว้



สำหรับไฮไลท์เด็ด คือการแชร์แผนที่ สู่สาธารณะ ให้ใครดูก็ได้ โดยกดไปที่แชร์แผนที่



จากนั้นกดที่ ทุกคน(สาธารณะ)




แชร์แล้วไงต่อ?? เราก็เอา URL หรือ ลิ้งค์ด้านบน ไปให้เพื่อน ๆ ดูได้เลยครับผม คนที่ดูก็ไม่ต้อง login เข้าสู่ระบบก็ได้ ตัวอย่างดังนี้ https://www.arcgis.com/apps/mapviewer/index.html?webmap=97dea5c949f74279a49678814d9e95a3

คนที่เข้ามาดู สามารถเพิ่มชั้นข้อมูลต่าง ๆ ได้ หรือเปลี่ยนการแสดงผลในแผนที่ได้ เช่น เปลี่ยนแผนที่ฐานเป็นภาพถ่ายดาวเทียม เปลี่ยนการแบ่งสีของจุดต่าง ๆ แต่เขาจะไม่สามารถบันทึกได้ ถ้าปิดแล้วเปิดลิ้งค์ใหม่ ก็จะได้ผลแบบเดิม ที่เจ้าของแผนที่ทำเอาไว้

.

.

.

เพิ่มเติม สำหรับการเข้าไปดูเนื้อหาต่าง ๆ ที่เราเพิ่มใส่แผนที่เอาไว้ หรือเข้าไปจัดการไฟล์ต่าง ๆ โดยเข้าไปที่ปุ่ม 3ขีด (1) มุมบน แล้วเลือกไปที่เนื้อหา (2)



ดังภาพ ก็จะมีไฟล์ต่าง ๆ ที่เพิ่มเข้ามาในระบบ ไฟลรูปแบบต่าง ๆ ที่อยู่ในระบบ(1) รวมถึงสถานะความเป็นส่วนตัว (2)



จริง ๆ เราสามารถสร้าง หรือปรับแต่ง เนื้อหาได้หลายรูปแบบมาก ๆ สามารถสร้างเป็น application ได้ด้วย มีฟังก์ชันต่าง ๆ อีกมากมาย ไว้โอกาสหน้า จะมาแบ่งปันอีกครับ


เขียนและเรียบเรียงโดย เกษตรตำบล

facebook : เกษตรตำบล คนใช้แรงงาน 

https://www.facebook.com/RebelliousKasetTambon




วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

เตือนภัยการระบาดของไรแดงในมันสำปะหลัง

เตือนภัยการระบาดของไรแดงในมันสำปะหลัง

ไรแดง เป็นแมลงศัตรูพืชสำคัญของมันสำปะหลัง ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะดูดกินน้ำเลี้ยงบริเวณใต้ใบ ทำให้ใบมันสำปะหลังเกิดจุดประด่างขาว ⚪️ ขยายแผ่กว้าง ใบมีสีขาวซีด ใบกระด้าง กรอบ ส่งผลต่อการเจริญเติบโตและการสร้างหัวของมันสำปะหลัง

แนวทางการป้องกันกำจัดไรแดง ‍‍

1. การป้องกัน

  • หมั่นตรวจแปลงมันสำปะหลังเป็นประจำ ️‍♀️️‍♂️
  • เก็บใบมันสำปะหลังที่พบไรแดงมาทำลาย ️

2. การกำจัด ⚔️

  • กรณีที่มีการระบาดรุนแรง
    • เลือกใช้สารป้องกันกำจัดไรชนิดใดชนิดหนึ่งและใช้ตามอัตราที่แนะนำ
      • เอกซีไทอะซอกซ์ 1.8% EC อัตรา 100 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร
      • ทีมเฟนไพแรด 36% EC อัตรา 5-10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร
      • ไพริดาเบน 20% WP อัตรา 10-15 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
      • ไขฟลมิโทเฟน 20% EC อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร
      • สไปโรมิซิเฟน 24% SC อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร
      • เฟนบูทาดิน ออกไซด์ 55% SC อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร
    • พ่นเมื่อพบไรแดงทำลายบริเวณใบส่วนยอดและใบส่วนล่างเริ่มแสดงอาการเหี่ยว
    • พ่นให้ทั่วทั้งต้น ใต้ใบ และบนใบ 1-2 ครั้ง ห่างกัน 10 วัน
    • ควรพ่นให้ทั่วบริเวณใต้ใบและหลังใบ และพ่นสารเฉพาะบริเวณที่พบการทำลายของไรเท่านั้น
    • ไม่ควรพ่นสารชนิดเดียวกันติดต่อกันเกิน 3 ครั้ง ควรสลับชนิดสารเพื่อป้องกันการดื้อทานต่อสารของแมลง

แหล่งข้อมูล

หมายเหตุ

  • ข้อมูลในโพสต์นี้นำมาจากเอกสารเตือนภัยการระบาดของไรแดงในมันสำปะหลังของกรมวิชาการเกษตรและสำนักงานเกษตรจังหวัดปราจีนบุรี
  • เกษตรกรควรปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากของสารป้องกันกำจัดไรอย่างเคร่งครัด
  • เกษตรกรสามารถขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่เกษตรในพื้นที่

หวังว่าโพสต์นี้จะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรทุกท่านนะครับ ‍‍

#ไรแดง #มันสำปะหลัง #การเกษตร #เตือนภัย #เกษตรกร

 

วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2567

เตือนภัย! เพลี้ยไฟบุกสวนมังคุด

 


เตือนภัย! เพลี้ยไฟบุกสวนมังคุด

สวัสดีครับ ‍

วันนี้ผมมีเรื่องสำคัญมาแจ้งให้เกษตรกรผู้ปลูกมังคุดทราบครับ ❗️

จากข้อมูลของกรมวิชาการเกษตร มังคุดของเรากำลังเผชิญกับภัยคุกคามจาก "เพลี้ยไฟ" ศัตรูตัวร้ายที่คอยดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ยอดอ่อน ดอกอ่อน และผลอ่อนเสียหาย ส่งผลต่อผลผลิตและรายได้ของเกษตรกรอย่างมาก

ลักษณะและอาการ:

  • เพลี้ยไฟเป็นแมลงตัวเล็ก สีเหลืองอ่อน
  • ชอบดูดกินน้ำเลี้ยงจากยอดอ่อน ดอกอ่อน และผลอ่อน
  • ทำให้ยอด ผิวของผลเป็นขี้กลาก หรือผิวลาย มียางไหลและอาจทำให้ผลร่วงได้
  • ระบาดหนักในช่วงที่มังคุดเริ่มแตกใบอ่อน จนถึงระยะออกดอกและติดผลอ่อน
  • มักพบมากในสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้ง ☀️

แนวทางป้องกันและแก้ไข: ️

1. สำรวจสวนมังคุดอย่างสม่ำเสมอ ️‍♂️

  • ตรวจดูยอดอ่อน ดอกอ่อน และผลอ่อน ว่ามีร่องรอยของเพลี้ยไฟหรือไม่
  • ควรสำรวจอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง

2. อนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติ

  • เพลี้ยไฟตัวน้ำ และด้วงเต้าตัวน้ำ เป็นศัตรูธรรมชาติของเพลี้ยไฟ
  • เกษตรกรควรส่งเสริมและอนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติเหล่านี้

3. ใช้กับดักกาวเหนียว

  • ติดตั้งกับดักกาวเหนียวสีเหลืองขนาดใหญ่ในสวนมังคุด
  • ควรติดตั้งตั้งแต่มังคุดเริ่มแตกใบอ่อน
  • ใช้กับดักกาว 4 แผ่นต่อต้น

4. พ่นน้ำ

  • ในกรณีที่พบการระบาดไม่รุนแรง
  • พ่นน้ำเปล่าเพื่อให้เกิดความขึ้นในทรงพุ่ม หรือพ่นน้ำ ในระยะออกดอกจนกระทั่งถึงติดผลอ่อนทุก 2-3 วัน

5. พ่นสารเคมีกำจัดแมลง ☠️

  • ในกรณีที่พบการระบาดรุนแรง
  • ควรเลือกใช้สารเคมีที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้ สิ่งแวดล้อม และศัตรูธรรมชาติ
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด

สารเคมีที่แนะนำ:

  • คาร์โบซัลแฟน 20% อีจี อัตรา 50 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร
  • อิมิดาโคลพริด10% เอสแอล อัตรา 10 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร
  • ฟิโปรนิล 5% เอสซี อัตรา 10 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร
  • ไซเพอร์เมทริน 6.25% โฟซาโลน 22.5% อีจี อัตรา 40 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร

หมายเหตุ: ⚠️

  • การพ่นสารเคมีกำจัดแมลงควรพ่นให้ทั่วถึงทั้งลำต้น
  • มิเช่นนั้น แมลงจะเคลื่อนย้ายหลบซ่อนไปยังบริเวณที่พ่นไม่ถึง
  • เกษตรกรควรคำนึงถึงการปรับละอองฝอยหัวฉีด และระยะเวลา การพ่นด้วย

แหล่งข้อมูล:

  • กรมวิชาการเกษตร (https://www.doa.go.th/)
  • กองส่งเสริมการอารักขาพืชและจัดการดินปุ๋ย กรมส่งเสริมการเกษตร

ติดต่อสอบถาม:

  • กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดชลบุรี
  • โทร: 038-271697

ฝากถึงเกษตรกรทุกท่าน:

  • หมั่นสังเกตความผิดปกติในสวนมังคุด

แมลงหวี่ขาวยาสูบ ศัตรูร้ายของกะเพรา โหระพา แมงลัก




 

แมลงหวี่ขาวยาสูบ ศัตรูร้ายของกะเพรา โหระพา แมงลัก

สวัสดีครับ

ช่วงนี้หลายท่านคงปลูกกะเพรา โหระพา แมงลัก ไว้ทานกันที่บ้านใช่ไหมครับ? แต่รู้หรือไม่ครับว่า พืชเหล่านี้มีศัตรูตัวร้ายที่คอยดูดกินน้ำเลี้ยงและแพร่โรคอยู่ นั่นก็คือ แมลงหวี่ขาวยาสูบ นั่นเอง

แมลงหวี่ขาวยาสูบ เป็นแมลงศัตรูพืชขนาดเล็ก ลำตัวสีเหลือง ปีกสีขาว ชอบดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบพืช มักพบเกาะอยู่ใต้ใบ มักพบมากในช่วงที่มีอากาศร้อนชื้น ️

วงจรชีวิตของแมลงหวี่ขาวยาสูบ ประกอบไปด้วย 4 ระยะ ดังนี้

  1. ระยะไข่: ใช้เวลาประมาณ 3-7 วัน ไข่มีสีเหลืองอ่อน วางเป็นกลุ่มใต้ใบพืช
  2. ระยะตัวอ่อน: ใช้เวลาประมาณ 11-18 วัน ตัวอ่อนมีสีเหลืองอ่อน ลอกคราบ 3 ครั้ง
  3. ระยะดักแด้: ใช้เวลาประมาณ 5-7 วัน ดักแด้มีสีเหลืองอ่อน ห่อหุ้มด้วยใยสีขาว 蛹
  4. ระยะตัวเต็มวัย: มีอายุประมาณ 2-11 วัน ตัวเต็มวัยมีปีกสีขาว ลำตัวสีเหลืองอ่อน บินได้

แมลงหวี่ขาวยาสูบ เป็นพาหะนำโรคไวรัสต่างเหลืองในพืช ทำให้ใบพืชเหลืองซีด ใบหงิกงอ ผลผลิตเสียหาย

วิธีป้องกันและกำจัดแมลงหวี่ขาวยาสูบ

  1. หมั่นสำรวจแปลงปลูก สังเกตความผิดปกติของใบพืช
  2. ใช้กับดักแมลง เช่น กับดักเหนียวสีเหลือง 🟨 ล่อแมลงหวี่ขาวยาสูบมาติด
  3. ปลูกพืชสมุนไพร เช่น ตะไคร้ ใบสะระแหน่ โหระพา ช่วยไล่แมลง
  4. ใช้สารฆ่าแมลง กรณีพบการระบาดรุนแรง ☠️ เลือกใช้สารเคมีที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้ สิ่งแวดล้อม และแมลงศัตรูธรรมชาติ

แหล่งข้อมูล

  • กรมวิชาการเกษตร https://www.doa.go.th/
  • สำนักงานเกษตรจังหวัดชลบุรี [URL ที่ไม่ถูกต้องถูกนำออกแล้ว]

อย่าลืมดูแลแปลงปลูกกะเพรา โหระพา แมงลัก ของท่านให้ปลอดภัยจากแมลงหวี่ขาวยาสูบนะครับ!

#แมลงหวี่ขาวยาสูบ #กะเพรา #โหระพา #แมงลัก #เกษตร #เกษตรอินทรีย์ #ศัตรูพืช

เตือนภัย! หนอนเจาะฝัก ถั่วฝักยาว

 



เตือนภัย! หนอนเจาะฝัก ถั่วฝักยาว

เกษตรกรผู้ปลูกถั่วฝักยาว ‍♀️‍♂️ ทุกท่าน ระวังหนอนเจาะฝักถั่วลายจุด กำลังระบาดหนักในช่วงนี้ ️️️

ลักษณะอาการ

  • สภาพอากาศฝนตกชุก ️️️ เหมาะแก่การเจริญเติบโตของหนอน
  • หนอนจะเจาะเข้าไปกัดกินภายในดอกอ่อน ทำให้ดอกร่วง
  • เมื่อหนอนโตขึ้นจะเจาะเข้าไปกัดกินภายในฝัก ทำให้ฝักและเมล็ดลีบ

แนวทางป้องกัน/แก้ไข

ก่อนปลูก

  1. ไถพรวนตากดิน ☀️☀️☀️ เพื่อกำจัดดักแด้ที่อาจหลงเหลืออยู่ในแปลงปลูก

ระหว่างปลูก

  1. วิธีกล: เก็บไข่และตัวหนอน ทำลายทิ้ง
  2. สารชีวภัณฑ์: ปล่อยแมลงศัตรูธรรมชาติ เช่น มวนเพชฌฆาต, มวนพิฆาต, แมลงหางหนีบ
  3. สารเคมี: ใช้สารฆ่าแมลงที่มีประสิทธิภาพ เช่น เบตา ไซฟลูทริน 25% BC อัตรา 20-30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 30 ลิตร หรือ เคสทาเมทริน 3% BC อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร
  4. เชื้อรากำจัดแมลง: เช่น เชื้อราบิวเวอเรีย 1 กก.ต่อน้ำ 20 ลิตร กรองเอาเฉพาะน้ำไปฉีดพ่นในช่วงเย็น

แหล่งข้อมูล

  • กรมวิชาการเกษตร (https://www.doa.go.th/)
  • สำนักงานเกษตรจังหวัดชลบุรี

หมายเหตุ

  • ควรอ่านฉลากก่อนใช้สารเคมีทุกครั้ง
  • สวมใส่ชุดป้องกันร่างกายเมื่อใช้สารเคมี
  • เก็บสารเคมีให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

ฝากถึงเกษตรกรทุกท่าน ‍‍

  • หมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ
  • พบเห็นหนอน รีบดำเนินการป้องกัน/แก้ไขโดยทันที
  • ปลูกพืชหลากหลายชนิด เพื่อลดโอกาสการระบาดของศัตรูพืช
  • รักษาสมดุลทางธรรมชาติ

ขอให้เกษตรกรทุกท่านปลูกถั่วฝักยาวได้ผลผลิตดี ปลอดภัยจากหนอนเจาะฝักถั่วลายจุดครับ

#หนอนเจาะฝักถั่วลายจุด #ถั่วฝักยาว #ศัตรูพืช #เกษตรไทย #กรมวิชาการเกษตร

ระวังภัย! หนอนเจาะฝักถั่วฝักยาว


 

ระวังภัย! หนอนเจาะฝักถั่วฝักยาว

สวัสดีครับเกษตรกรทุกท่าน ️ ช่วงนี้ฝนตกชุก อากาศเหมาะแก่การเจริญเติบโตของพืช แต่ก็เป็นโอกาสเหมาะแก่การระบาดของหนอนเจาะฝักถั่วฝักยาวเช่นกัน วันนี้ผมจึงมาแจ้งเตือนและแนะนำวิธีการป้องกันกำจัดหนอนเจาะฝักถั่วฝักยาวครับ

สาเหตุ: หนอนเจาะฝักถั่วฝักยาวเกิดจาก หนอนเจาะฝักถั่วลายจุด (bean pod borer)

ลักษณะอาการ:

  • ในระยะแรก หนอนจะเจาะเข้าไปกัดกินภายในดอกอ่อน ทำให้ดอกร่วง
  • เมื่อหนอนโตขึ้นจะเจาะเข้าไปกัดกินภายในฝัก ส่วนที่เป็นเมล็ดอ่อน ทำให้ฝักและเมล็ดลีบ

วิธีป้องกัน/แก้ไข:

1. วิธีกล:

  • ก่อนปลูกพืช 2 สัปดาห์ ควรไถพรวนและตากดินเพื่อกำจัดดักแด้ที่อาจหลงเหลืออยู่ในแปลงปลูก
  • เก็บฝักที่ถูกทำลายโดยหนอนทิ้ง
  • ใช้กับดักฟีโรโมนล่อหนอนตัวผู้มาติดเพื่อลดจำนวนประชากรหนอน

2. สารชีวภัณฑ์:

  • ปล่อยแมลงศัตรูธรรมชาติ เช่น มวนเพชฌฆาต มวนพิฆาต แมลงหางหนีบ
  • ใช้เชื้อรากำจัดแมลง เช่น เชื้อราบิวเวอเรีย

3. การใช้สารเคมี:

  • ใช้สารฆ่าแมลงที่มีประสิทธิภาพป้องกันกำจัด เช่น เบตา ไซฟลูทริน 25% BC หรือ เคสทาเมทริน 3% BC

แหล่งข้อมูล:

  • กรมวิชาการเกษตร (https://www.doa.go.th/)
  • กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดชลบุรี

หมายเหตุ:

  • ควรอ่านฉลากก่อนใช้สารเคมี
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด
  • สวมใส่ชุดป้องกันร่างกายเมื่อใช้สารเคมี

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรทุกท่านนะครับ

#หนอนเจาะฝักถั่วฝักยาว #ถั่วฝักยาว #ภัยร้ายพืช #เกษตร #เกษตรไทย

โรคโคนเน่า หัวเน่า มันสำปะหลัง : อันตรายร้ายแรง คุกคามผลผลิต !


 

โรคโคนเน่า หัวเน่า มันสำปะหลัง : อันตรายร้ายแรง คุกคามผลผลิต !

สวัสดีครับ เพื่อน ๆ ชาวเกษตรกรมันสำปะหลัง ‍ วันนี้ผมมีเรื่องสำคัญมาแจ้งให้ทราบ เกี่ยวกับโรคโคนเน่า หัวเน่า ในมันสำปะหลัง โรคนี้พบได้บ่อยในช่วงฤดูฝน และสร้างความเสียหายให้กับผลผลิตได้อย่างมาก

สาเหตุ: เชื้อราไฟทอปเทคร่า (Phytophthora melonis)

ลักษณะอาการ:

  • ใบมันสำปะหลังเหลือง เหี่ยว และร่วง
  • โคนต้นเน่าเป็นสีน้ำตาลหรือดำ 🟤
  • บางพันธุ์ พบอาการโคนต้นบริเวณคอดินแตก 裂
  • เมื่อขุดดู พบหัวมันสำปะหลังเน่า ฝาดูภายในเป็นสีน้ำตาล 🟤
  • หากอาการรุนแรง จะไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้

แนวทางป้องกัน/แก้ไข: ️

  • พื้นที่ปลูกเป็นดินดาน: ⛏️ ไถระเบิดชั้นดินดานและตากดินไว้ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนปลูก
  • แปลงปลูก: ยกร่อง เพื่อไม่ให้น้ำท่วมขัง
  • คัดเลือกท่อนพันธุ์: จากแหล่งที่ไม่มีการระบาดของโรค
  • ก่อนปลูก: แช่ท่อนพันธุ์ด้วยสารเมทาแลกซิล 25% WP อัตรา 20-50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ฟอสซีทิล อะลูมิเนียม 80% WP อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ⏱️
  • จัดระยะปลูก: ให้เหมาะสม เพื่อให้ทรงพุ่มโปร่ง ️
  • หมั่นตรวจแปลงปลูก: อย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบต้นที่แสดงอาการของโรค ถอนนำไปทำลายนอกแปลงปลูก
  • โรยปูนขาว: หรือราดด้วยสาร เมทาแลกซิล 25% WP อัตรา 20- 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ฟอสซีทิล อะลูมิเนียม 80% WP อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร บริเวณที่ถอนและโดยรอบห่างออกไปประมาณ 1 เมตร
  • หลังเก็บเกี่ยวผลผลิต: เก็บเศษเหง้า และเศษซากมันสำปะหลังไปทำลายนอกแปลงปลูก
  • ทำความสะอาดเครื่องจักรกลการเกษตร: ที่ใช้ในแปลงที่เป็นโรค ⚙️
  • แปลงที่มีการระบาดของโรครุนแรง: ควรปลูกพืชชนิดอื่นหมุนเวียน เช่น อ้อย ข้าวโพด หรือพืชตระกูลถั่ว

ในกรณีที่พบการระบาดของโรครุนแรง ควรปฏิบัติดังนี้: ⚠️

  • พื้นที่ที่พบต้น: แสดงอาการของโรคมากกว่าร้อยละ 50 ควรไถทิ้ง เก็บเศษซากนำไปทำลายนอกแปลงปลูก แล้วตากดิน

  • พื้นที่ที่พบต้น: แสดงอาการของโรค ร้อยละ 30-50

  • มันสำปะหลังอายุ 1-3 เดือน: ควรไถทิ้ง เก็บเศษซากนำไปทำลายนอกแปลงปลูก แล้วตากดิน

  • มันสำปะหลังอายุ 4-7 เดือน: หว่านปูนขาวให้ทั่วแปลง และควรเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตทันที

  • มันสำปะหลังอายุ 8 เดือนขึ้นไป: ควรเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตทันที

แหล่งข้อมูล:

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม:

  • กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดชลบุรี
  • โทร. 0 3827 1697

เตือนภัย! หนอนเจาะลำต้นข้าวโพดระบาดหนัก



เตือนภัย! หนอนเจาะลำต้นข้าวโพดระบาดหนัก

สวัสดีครับ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดหวานและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทุกท่าน วันนี้ผมมีข้อมูลสำคัญมาแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับการระบาดของ "หนอนเจาะลำต้นข้าวโพด" ที่กำลังสร้างความเสียหายอย่างหนักแก่ผลผลิต

สาเหตุ:

  • เกิดจาก "หนอนเจาะลำต้นข้าวโพด" (Corn stern borer)

ลักษณะอาการ:

  • ในระยะออกดอก หนอนจะเจาะเข้าไปกัดกินส่วนยอดที่ม้วนอยู่ ทำให้ช่อดอกไม่สามารถคลี่บาน ผลผลิตไม่มีเมล็ด หรือมีเมล็ดไม่เต็มฝัก
  • ในระยะติดฝัก หนอนจะเจาะเข้าทำลายที่ก้านฝักหรือโคนฝัก หากการระบาดรุนแรง หนอนจะเจาะเข้ากินแกนกลางฝักและเมล็ดด้วย

สภาพอากาศที่เหมาะต่อการระบาด:

  • อากาศร้อน มีฝนตก ️ และฝนตกหนักในบางพื้นที่

แนวทางป้องกัน/แก้ไข:

  1. พ่นสารฆ่าแมลง:
    • คลอร์ฟลูอาชูรอน 5% EC อัตรา 25 มล./น้ำ 20 ลิตร
    • ฟิโพรนิล 5% SC อัตรา 20 มล./น้ำ 20 ลิตร
    • เทฟลูเบนซูรอน 5% EC อัตรา 25 มล./น้ำ 20 ลิตร
    • ไดรฟลูมูรอน 25% WP อัตรา 30 กรัม/น้ำ 20 ลิตร
    • เคลทาเมทริน 3% EC อัตรา 10 มล./น้ำ 20 ลิตร
    • ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์: พ่นเมื่อพบหนอน 2 ตัวต่อต้น
    • ข้าวโพดหวาน: พ่นเมื่อพบหนอนมากกว่า 50 ตัวจากข้าวโพด 100 ต้น หรือ รูเจาะ 50 รู จากข้าวโพด 100 ต้น
  2. อนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติ:
    • แตนเบียนไข่ (Trichogramma spp.) อัตรา 30,000 ตัว/ไร่ ปล่อย 3 ครั้ง
    • แมลงหางหนีบ อัตรา 100-2,000 ตัว/ไร่ ปล่อย 2-3 ครั้ง
    • แมลงช้างปีกโส ระยะตัวอ่อน อัตรา 1,000 - 2,000 ตัว/ไร่ ทุก 7 วัน

แหล่งข้อมูล:

  • กรมวิชาการเกษตร (https://www.doa.go.th/)
  • เรียบเรียงโดย กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดชลบุรี

หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สอบถามได้ที่:

  • อารักขาพืช ชลบุรี
  • 68/5 ม.2 ต.บ้านสวน อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี
  • 0 3827 1697

#ข้าวโพด #หนอนเจาะลำต้น #ศัตรูพืช #การเกษตร #เตือนภัย #เกษตรกร

หมายเหตุ:

  • ข้อมูลในโพสต์นี้เป็นข้อมูลทั่วไป เกษตรกรควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจใช้สารเคมี
  • โพสต์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลแก่เกษตรกร ไม่ได้มีเจตนารมณ์ในการโฆษณาสินค้าใดๆ
 

โรคตายพรายในกล้วย: ภัยร้ายที่เกษตรกรควรรู้จัก ☠️


 

โรคตายพรายในกล้วย: ภัยร้ายที่เกษตรกรควรรู้จัก ☠️

สวัสดีครับพี่ๆ เกษตรกรวันนี้ผมมีเรื่องสำคัญมาแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับโรคตายพรายในกล้วย โรคนี้ถือเป็นภัยร้ายแรงที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับสวนกล้วยของเราได้อย่างมาก

สาเหตุ: โรคตายพรายในกล้วยเกิดจากเชื้อรา Fusarium oxysporum f.sp. cubense เชื้อราชนิดนี้จะเข้าทำลายรากของกล้วยและเจริญเติบโตเข้าสู่ระบบท่อน้ำของต้นกล้วย ทำให้ต้นกล้วยได้รับน้ำและสารอาหารไม่เพียงพอ

อาการ:

  • ใบกล้วยที่อยู่รอบนอกหรือใบแก่จะเริ่มแสดงอาการเหลืองจากขอบใบและลุกลามเข้ากลางใบ
  • ก้านใบจะหักพับตรงรอยต่อกับลำต้นเทียม
  • ใบกล้วยจะทยอยหักพับจากใบด้านนอกเข้าสู่ใบด้านใน
  • ระยะแรกใบยอดยังเขียวตั้งตรง แต่ต่อมาจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและเหี่ยวแห้ง
  • เมื่อตัดลำต้นเทียมตามขวางหรือตามยาว จะพบเนื้อเยื่อภายในลำต้นเทียมเน่าเป็นสีน้ำตาล
  • เนื้อเยื่อในเหง้าจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
  • ต้นกล้วยจะชะงักการเจริญเติบโตและตายในที่สุด

วิธีป้องกันและแก้ไข:

  • เลือกปลูกกล้วยในพื้นที่ใหม่: ควรเลือกแปลงปลูกที่ไม่เคยพบโรคนี้มาก่อน
  • เลือกหน่อพันธุ์ที่ปลอดโรค: เลือกหน่อกล้วยจากแหล่งปลูกที่ไม่เคยมีการระบาดของโรคนี้ หรือไม่นำหน่อพันธุ์จากกอที่เป็นโรคไปปลูก และใช้หน่อพันธุ์ที่ไม่มีร่องรอยการติดเชื้อ
  • ปรับสภาพดิน: ปรับสภาพดินไม่ให้เป็นกรดจัดโดยใส่ปูนขาว หรือโดโลไมท์
  • จัดการระบบน้ำ: แปลงปลูกควรมีการระบายน้ำที่ดี ควรระมัดระวังการให้น้ำ ไม่ให้น้ำไหลผ่านจากต้นที่เป็นโรคไปต้นปกติ
  • กำจัดต้นที่เป็นโรค: เมื่อพบกล้วยแสดงอาการของโรค ให้ขุดต้นที่เป็นโรคนำไปทำลายนอกแปลงปลูก
  • ทำความสะอาดอุปกรณ์: อุปกรณ์การเกษตร เมื่อใช้กับต้นที่เป็นโรค ควรทำความสะอาดก่อนนำไปใช้ใหม่
  • ปลูกพืชหมุนเวียน: ในแปลงที่มีการระบาดของโรค ควรเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นหมุนเวียน

แหล่งข้อมูล:

  • กรมวิชาการ https://www.doa.go.th/
  • สำนักงานเกษตรจังหวัดชลบุรี [URL ที่ไม่ถูกต้องถูกนำออกแล้ว]

ฝากถึงพี่ๆ เกษตรกรทุกท่าน:

โรคตายพรายในกล้วยเป็นโรคที่ร้ายแรงและป้องกันได้ยาก สิ่งสำคัญคือเราต้องหมั่นตรวจสวนกล้วยของเราอย่างสม่ำเสมอ และเมื่อพบต้นกล้วยที่แสดงอาการของโรค ให้รีบดำเนินการกำจัดตามวิธีที่แนะนำ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ‍

#กล้วย #โรคตายพราย #เกษตรไทย #ปลอดภัยไร้สารเคมี #FBK #DOA #สำนักงานเกษตรจังหวัดชลบุรี

แมลงวันทองในพริก ️

 

แมลงวันทองในพริก ️

สวัสดีครับ ‍ วันนี้ผมมีเรื่องราวเกี่ยวกับศัตรูพืชตัวสำคัญในสวนพริกมาฝากทุกคนครับ นั่นก็คือ แมลงวันทองในพริก

ลักษณะอาการ

  • พริกที่ถูกแมลงวันทองเข้าทำลายจะมีรอยแผลเล็กๆ บนผิว
  • ภายในผลพริกจะมีหนอนสีขาวชอนไช
  • ผลพริกจะเน่าเสียและร่วงหล่น

วงจรชีวิต ➡️➡️

  • แมลงวันทองตัวเต็มวัยเพศเมียจะวางไข่บนผลพริก
  • ไข่จะฟักเป็นหนอน
  • หนอนจะชอนไชกินเนื้อในของผลพริก
  • เมื่อหนอนโตเต็มที่จะเจาะรูออกมาจากผลพริกเพื่อเข้าดักแด้ในดิน
  • ดักแด้จะเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัย

แนวทางป้องกันกำจัด

  • เก็บพริกที่ร่วงหล่นและเผาทำลาย
  • ใช้กับดักแมลงวันทอง
  • ใช้สารฆ่าแมลง
  • ใช้สารชีวภัณฑ์

แหล่งข้อมูล

  • กรมวิชาการเกษตร (https://www.doa.go.th/)
  • สำนักงานเกษตรจังหวัดชลบุรี

บทความนี้หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรทุกท่านนะครับ ‍ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อกรมวิชาการเกษตรหรือสำนักงานเกษตรจังหวัดในพื้นที่ได้เลยครับ

#แมลงวันทอง #พริก #ศัตรูพืช #เกษตร #เกษตรกร

เพิ่มเติม

  • ในบทความนี้ ผมได้ใส่ emoji ️ เข้าไปในเนื้อหาเพื่อช่วยให้เข้าใจง่ายและสื่ออารมณ์ได้ดีขึ้น
  • ผมได้สรุปเนื้อหาจากภาพให้กระชับและเข้าใจง่าย
  • ผมได้ใช้ภาษาที่สุภาพและเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย
  • ผมได้ใส่แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือไว้ท้ายบทความ

หวังว่าโพสต์นี้จะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรทุกท่านนะครับ

แมลงวันทองพริกรบกวนชาวสวนพริก ️



 

แมลงวันทองพริกรบกวนชาวสวนพริก ️

สวัสดีครับ ‍

ช่วงนี้สภาพอากาศร้อน มีฝนตกและฝนตกหนักบางพื้นที่ ️ อากาศแบบนี้เหมาะกับการระบาดของแมลงวันทองพริก

แมลงวันทองพริก เป็นศัตรูพืชสำคัญของพริก ️ ตัวเต็มวัยจะวางไข่ในพริก หนอนที่ฟักออกมากัดกินชอนไชอยู่ภายในผล ทำให้ผลพริกเน่า ร่วงหล่น

อาการของพริกที่ถูกแมลงวันทองพริกทำลาย

  • ผลพริกมีรอยจุดสีดำหรือสีน้ำตาล 🟤
  • ผลพริกเน่า
  • ผลพริกร่วงหล่น
  • พบหนอน หรือรูของหนอน ️ อยู่ภายในผล

แนวทางป้องกัน/แก้ไข

  • เก็บพริกที่ร่วงหล่นเผาทำลาย เพื่อลดแหล่งเพาะพันธุ์ของแมลงวันทองพริก
  • ใช้น้ำมันปิโตรเลียมสเปรย์ออยล์ ️ 83.9% EC อัตรา 60 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร เน้นพ่นที่ผลพริกทุก 5-7 วัน
  • ใช้เหยื่อพิษโปรตีน พ่นเป็นจุดทุกต้นรอบแปลงและพ่นเป็นแถวต้นละจุด ห่างกันแถวละ 5 เมตร พ่นทุกสัปดาห์ หรือ เทเหยื่อพิษโปรตีนใส่ในกับดักตัดแปลง เช่น ขวดพลาสติกเจาะช่องให้แมลงสามารถบินเข้ากับดักได้ และติดตั้งกับตักสูงจากพื้นดิน 15 เซนติเมตร รอบแปลงปลูก
  • ใช้สารฆ่าแมลงที่มีประสิทธิภาพ ☠️ เช่น มาลาไทออน 83% EC อัตรา 50 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร
  • ใช้สารชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อราบิวเวอเรีย เชื้อราเมตาไรเซียม หรือ เชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส ทูริงเจนซีส (Bt)

แหล่งข้อมูล

  • กรมวิชาการเกษตร (https://www.doa.go.th/)
  • กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดชลบุรี

หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ❓ สามารถติดต่อได้ที่

  • อารักขาพืช ชลบุรี 0 3827 1697

เพิ่มเติม

  • การใช้สารเคมีควรปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด
  • สวมใส่ชุดป้องกัน เมื่อใช้สารเคมี
  • เก็บสารเคมีให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
  • รักษาสิ่งแวดล้อม

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ต่อชาวสวนพริกทุกท่านครับ

#แมลงวันทองพริก #ศัตรูพืช #พริก #ป้องกันกำจัด #เกษตรไทย

โรคราสนิมขาวในผักบุ้งจีน: อันตรายร้ายที่ต้องรู้และวิธีป้องกัน


 

โรคราสนิมขาวในผักบุ้งจีน: อันตรายร้ายที่ต้องรู้และวิธีป้องกัน

สวัสดีครับ ‍ ช่วงนี้ฝนตกชุกหลายพื้นที่ เกษตรกรผักบุ้งจีนคงต้องระวังโรคร้ายที่กำลังระบาดอย่าง "โรคราสนิมขาว" กันนะครับ โรคนี้เกิดจากเชื้อรา Albugo ipomoea-panduratae ส่งผลต่อทั้งใบ ก้านใบ และลำต้น ทำให้ใบเสียหาย ผลผลิตตก และอาจตายได้

ลักษณะอาการของโรค

  • พบจุดสีเหลืองซีดบนใบด้านบน
  • พลิกดูใต้ใบจะพบตุ่มนูนสีขาวขนาดเล็ก
  • ตุ่มนูนขยายใหญ่ขึ้น ใบอาจบิดเบี้ยว เปลี่ยนเป็นสีเหลือง และร่วง
  • บางครั้งพบอาการบนก้านใบและลำต้น

แนวทางป้องกันและแก้ไข

  1. ไถพลิกดิน ตากแดด ใส่ปูนขาว ปรับสภาพดินก่อนปลูก
  2. ใช้เมล็ดพันธุ์จากแหล่งที่ไม่มีโรค
  3. คลุกเมล็ดก่อนปลูกด้วยสารเมทาแลกซิล 35% DS อัตรา 7 กรัมต่อเมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม
  4. ไม่หว่านผักบุ้งแน่นเกินไป
  5. กำจัดวัชพืชในแปลง
  6. ตรวจแปลงสม่ำเสมอ พบโรคตัดส่วนที่เป็นโรค นำไปทำลาย พ่นสารเคมีตามคำแนะนำ โดยเฉพาะใต้ใบ พ่นซ้ำทุก 5-7 วัน หยุดพ่นก่อนเก็บเกี่ยว 7 วัน
  7. แปลงที่พบโรค หลีกเลี่ยงการให้น้ำแบบพ่นฝอย ไม่ให้น้ำชื้นแฉะ
  8. หลังเก็บเกี่ยว นำเศษขากพืชไปทำลาย
  9. ปลูกพืชหมุนเวียนในแปลงที่พบโรค

แหล่งข้อมูล

  • กรมวิชาการเกษตร (https://www.doa.go.th/)
  • กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดชลบุรี

หากมีข้อสงสัย หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อ

  • กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดชลบุรี
  • เบอร์โทรศัพท์: 0 3827 1697

**อย่าลืมดูแลผักบุ้งจีนของคุณอย่างใกล้ชิดนะครับ ป้องกันโรคราสนิมขาว ผลผลิตจะได้อุดมสมบูรณ์ **

#โรคราสนิมขาว #ผักบุ้งจีน #เกษตร #ป้องกันโรค #กรมวิชาการเกษตร

โรคราน้ำค้าง ข้าวโพด: อันตรายร้ายที่ต้องระวัง!


 

โรคราน้ำค้าง ข้าวโพด: อันตรายร้ายที่ต้องระวัง!

สวัสดีครับ

วันนี้ผมมีเรื่องสำคัญมาแจ้งให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดทราบ เกี่ยวกับโรคร้ายแรงที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับพืชผลของท่านได้ นั่นคือ "โรคราน้ำค้างข้าวโพด"

สาเหตุ: โรคนี้เกิดจากเชื้อราชนิด Peronosclerospora sorghi ซึ่งจะเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศที่มีฝนตกชุก อุณหภูมิต่ำ และความชื้นสูง ️

ลักษณะอาการ:

  • ในระยะเริ่มต้น จะพบจุดสีเขียวฉ่ำน้ำบนใบอ่อน
  • ใบข้าวโพดจะเริ่มมีสีเหลืองเป็นริ้ว 🟡
  • พบลายสีเขียวอ่อนสลับเขียวแก่บนใบ
  • ยอดข้าวโพดแตกเป็นพุ่ม ต้นแคระแกร็น 🪴
  • ข้อถี่ ไม่มีฝัก หรือมีฝักขนาดเล็ก
  • ก้านฝักมีความยาวมาก หรือมีจำนวนฝักมากกว่าปกติ แต่ไม่สมบูรณ์
  • เมล็ดมีจำนวนน้อย หรือไม่มีเมล็ดเลย

วิธีป้องกัน:

  • เลือกใช้พันธุ์ข้าวโพดที่ต้านทานโรค
  • คลุกเมล็ดพันธุ์ก่อนปลูกด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช
  • พ่นสารป้องกันกำจัดโรคพืช
  • ถอนต้นที่แสดงอาการของโรคนำไปเผาทำลาย
  • ปลูกพืชชนิดอื่นหมุนเวียน

แหล่งข้อมูล:

  • กรมวิชาการเกษตร (https://www.doa.go.th/)
  • สำนักงานเกษตรจังหวัดชลบุรี

หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่

  • กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดชลบุรี
  • โทร: 0 3827 1697

อย่าลืมดูแลพืชผลของท่านอย่างใกล้ชิดนะครับ

#ข้าวโพด #โรคราน้ำค้าง #เกษตร #เกษตรไทย #ป้องกันโรคพืช

เตือนภัย! โรคเหี่ยวเขียวในพริก ️

 



เตือนภัย! โรคเหี่ยวเขียวในพริก ️

สวัสดีครับ ‍

เพื่อน ๆ ชาวสวนพริกทุกท่าน

ช่วงนี้ฝนตกหนักหลายพื้นที่ ️ อากาศชื้นเหมาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย

กรมวิชาการเกษตรเตือนภัย! พบการระบาดของโรคเหี่ยวเขียวในพริก ️

ลักษณะอาการ ⬇️

  • ต้นพริกจะเหี่ยวเฉพาะใบยอดในเวลากลางวัน ☀️ แต่กลับมาปกติในเวลากลางคืน
  • อาการจะค่อย ๆ ลามลงมาจนทั้งต้นเหี่ยวเฉา โดยที่ใบยังคงเขียวอยู่
  • บริเวณโคนต้นพริกจะมีสีน้ำตาลเข้ม
  • เมื่อถอนต้นพริกขึ้นมาจะพบอาการรากเน่า 🟤
  • ตัดลำต้นตามขวาง แช่น้ำ 5-10 นาที จะเห็นของเหลวสีขาวขุ่นคล้ายน้ำนมไหลออกมา

สาเหตุ ⬇️

  • เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Ralstonia solanacearum

แนวทางป้องกัน/แก้ไข ⬇️

  • เลือกพื้นที่ปลูกที่ไม่เคยมีการระบาดของโรคมาก่อน ️ และมีการระบายน้ำที่ดี
  • ไถพรวนดินให้ลึกเกินกว่า 20 เซนติเมตร จากผิวดิน และตากดินไว้นานกว่า 2 สัปดาห์ ☀️
  • ในพื้นที่ที่เคยมีการระบาด ฆ่าเชื้อโรคในดินด้วยยูเรียผสมปูนขาว 80 : 800 กิโลกรัมต่อไร่ ‍
  • หมั่นตรวจแปลงปลูก ️‍♀️ เมื่อพบต้นที่แสดงอาการ ให้ขุดต้นที่เป็นโรค นำไปทำลายนอกแปลงปลูก ❌
  • ทำความสะอาดเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการเกษตรทุกครั้งหลังใช้
  • ในแปลงที่มีการระบาด หลังเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว นำส่วนต่าง ๆ ของพืชที่เป็นโรคไปทำลายนอกแปลงปลูก ️
  • ไม่ควรปลูกพืชอาศัยของเชื้อสาเหตุโรค เช่น พืชตระกูลขิง พืชตระกูลมะเขือ มันฝรั่ง ถั่วลิสง ‍♀️
  • สลับปลูกพืชชนิดอื่นที่ไม่ใช่พืชอาศัย เช่น ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง

แหล่งข้อมูล ⬇️

**มาช่วยกันป้องกันโรคเหี่ยวเขียวในพริก ️ เพื่อรักษาผลผลิตและรายได้ของเรา **

**อย่าลืมแชร์โพสต์นี้ให้เพื่อน ๆ เกษตรกรท่านอื่น ๆ ได้ทราบทั่วกันนะครับ! **

#โรคเหี่ยวเขียว #พริก #เกษตร #เกษตรไทย #ป้องกันโรคพืช #กรมวิชาการเกษตร

โรคไหม้ข้าว : อันตรายร้ายแรงต่อผลผลิตข้าวของเกษตรกรไทย


 

โรคไหม้ข้าว : อันตรายร้ายแรงต่อผลผลิตข้าวของเกษตรกรไทย

สวัสดีครับ

วันนี้ผมมีเรื่องราวเกี่ยวกับโรคพืชที่สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อผลผลิตข้าวของเกษตรกรไทยมาเล่าให้ฟังครับ โรคนี้มีชื่อว่า "โรคไหม้ข้าว"

สาเหตุของโรคไหม้ข้าว เกิดจากเชื้อราชนิด Pyricularia oryzae Cav. ครับ

ลักษณะอาการของโรค สามารถพบได้ในทุกระยะการเจริญเติบโตของข้าว ดังนี้

  • ระยะกล้า ใบจะมีแผลจุดสีน้ำตาลคล้ายรูปตา สีเทาตรงกลาง แผลกว้าง 2-5 มม. ยาว 10-15 มม. แผลลุกลามทั่วใบ กล้าข้าวแห้งฟุบตาย
  • ระยะแตกกอ พบอาการที่ใบ ข้อต่อใบ และข้อต่อลำต้น แผลมีขนาดใหญ่กว่าระยะกล้า ลุกลามติดต่อกัน ใบมีแผลน้ำสีน้ำตาลดำ หลุดจากกาบใบ
  • ระยะออกรวง ข้าวเพิ่งออกรวง เชื้อราจะเข้าท้าลายเมล็ด ข้าวจะสืบหมด
    • ถ้าเป็นโรคตอนรวงข้าวแก่ ใกล้เก็บเกี่ยว จะปรากฏรอยแผลทำสีน้ำตาลที่คอรวง เปราะหักง่าย รวงข้าวร่วงเสียหาย

แนวทางป้องกันและแก้ไข

  • คลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยสารป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น ไตรโชคลาโซล คาซูกาไมซิน คาร์เบนดาซิม โพรคลอราช ตามอัตราที่ฉลากระบุ
  • หว่านเมล็ดพันธุ์ในอัตราที่เหมาะสม 15-20 กิโลกรัมต่อไร่ แปลงควรมีถ่ายเทอากาศดี ไม่ใส่ปุ๋ยไนโตรเจนสูงเกินไป
  • สำรวจแปลงนาอย่างสม่ำเสมอ พบอาการของโรคให้ปฏิบัติดังนี้
    • พ่นเชื้อบีเอส (บาซิลลัส ขับทีลิส) อัตราตามคำแนะนำในฉลาก
    • พ่นเชื้อไตรโครเดอร์มา 1 กิโลกรัมต่อน้ำ 200 ลิตร
  • ในแหล่งที่เคยมีโรคระบาด พบแผลโรคทั่วไป 5% ของพื้นที่ใบ (พบเฉลี่ย 2-3 แผลต่อใบ) ฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น ไตรไซคลาโซล คาซูกาไมชิน อีดิเฟนฟอส ไอโซโพรไทโอเลน คาร์เบนดาซิม ตามอัตราที่ฉลากระบุ
  • ใช้พันธุ์ต้านทานต่อโรค เช่น สุพรรณบุรี 1 สุพรรณบุรี 60 ปราจีนบุรี 1

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับโรคไหม้ข้าว สามารถติดต่อหรือศึกษาข้อมูลจากหน่วยงานดังนี้

  • กรมวิชาการเกษตร https://www.doa.go.th/
  • สำนักงานเกษตรจังหวัด ทั่วประเทศ

ด้วยความปรารถนาดีครับ

ปล.

  • เกษตรกรควรหมั่นตรวจสอบแปลงนาอย่างสม่ำเสมอ
  • พบเห็นสัญญาณเตือนของโรค ให้รีบดำเนินการป้องกันและแก้ไขทันที
  • การใช้สารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืชควรทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
  • เลือกใช้สารเคมีที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้ สิ่งแวดล้อม และผู้บริโภค

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรทุกท่านนะครับ

เตือนภัย! หนอนกระทู้ผัก บุกสวนผัก



เตือนภัย! หนอนกระทู้ผัก บุกสวนผัก

สวัสดีครับ ‍

วันนี้ผมมีเรื่องสำคัญมาแจ้งให้ทุกท่านทราบครับ ❗❗❗

ช่วงนี้กำลังมีหนอนกระทู้ผักระบาดหนัก กำลังสร้างความเสียหายให้กับพืชตระกูลทานใบ เช่น คะน้า กะหล่ำปลี ผักกาดขาว ผักกวางตุ้ง กะหล่ำดอก บรอกโคลี ฯลฯ

ลักษณะอาการ

  • หนอนระยะแรกจะเข้าทำลายเป็นกลุ่ม
  • ระยะต่อมาจะทำลายรุนแรงมากขึ้น
  • หนอนมีขนาดใหญ่
  • กัดกินใบ ก้าน หรือเข้าทำลายในหัวผักกาด
  • การเข้าทำลายมักเกิดเป็นหย่อมๆ ตามจุดที่ตัวเต็มวัยเพศเมียวางไข่

แนวทางป้องกัน/แก้ไข

  • การใช้วิธีเขตกรรม เช่น การไถตากดิน และการเก็บซากพืชอาหาร ️ เพื่อกำจัดดักแด้และลดแหล่งอาหารใน การขยายพันธุ์ของหนอนกระทู้ผัก
  • การใช้วิธีกล โดยการเก็บกลุ่มไข่ และหนอนทำลาย จะช่วยลดการระบาดลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ ปลอดภัย
  • การใช้สารจุลินทรีย์ฆ่าแมลง ได้แก่ การใช้เชื้อแบคทีเรีย บาซิลลัส ทูริงเยนซิส Bacillus thuringiensis (BT) อัตรา 60 - 80 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
  • การใช้สารฆ่าแมลงที่มีประสิทธิภาพ ☠️ ได้แก่
    • คลอร์ฟีนาเพอร์ 10% SC อัตรา 30 - 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร
    • สปินโนแซด 12% SC อัตรา 20 - 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร
    • อินตอกขาคาร์บ 15% EC อัตรา 15 - 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร
    • คลอร์ฟูอาชูรอน 5% EC อัตรา 20 - 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร
    • อีมาเมกตินเบนโซเอต 1.92% EC อัตรา 15 - 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร
    • ลูเฟนนูรอน 5% EC อัตรา 20 - 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร

แหล่งข้อมูล

ติดต่อ

  • กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดชลบุรี 0 3827 1697

Facebook

  • อารักขาพืช ชลบุรี 

หมายเหตุ

  • ข้อมูลในโพสต์นี้เป็นข้อมูลทั่วไป เกษตรกรควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดเพิ่มเติมก่อนนำไปใช้
  • การใช้สารเคมีควรปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด ⚠️
  • ควรสวมใส่ชุดป้องกันร่างกายที่เหมาะสมเมื่อใช้สารเคมี

**ช่วยกันแชร์โพสต์นี้เพื่อเป็นการแจ้งเตือนเกษตรกรท่านอื่นๆ ด้วยนะครับ **

#หนอนกระทู้ผัก #ระบาด #พืชตระกูลทานใบ #ป้องกัน #แก้ไข #เกษตรไทย

 

เตือนเกษตรกร! ระวังหนอนชอนใบส้ม


 

เตือนเกษตรกร! ระวังหนอนชอนใบส้ม

สวัสดีครับ เกษตรกรผู้ปลูกพืชตระกูลส้มทุกท่าน

ช่วงนี้สภาพอากาศร้อนชื้น เหมาะกับการระบาดของ "หนอนชอนใบส้ม" แมลงศัตรูตัวสำคัญที่สร้างความเสียหายให้กับสวนส้มของท่าน

ลักษณะอาการ

  • ใบส้มมีรอยเป็นเส้นทางสีขาวเรียวยาว คดเคี้ยวไปมา
  • ใบบิดงอลงทางด้านที่มีหนอนทำลาย
  • ในกรณีระบาดรุนแรง หนอนอาจเข้าทำลายกิ่งอ่อนและผลอ่อน
  • รอยแผลจากการทำลายเป็นช่องทางให้เชื้อโรคเข้าทำลาย

แนวทางป้องกัน/แก้ไข

  1. บังคับยอดให้แตกพร้อมกัน ช่วยควบคุมประชากรหนอนชอนใบส้ม
  2. เก็บใบอ่อนมะนาวที่พบหนอนชอนใบส้มทำลายทิ้ง
  3. สำรวจยอดอ่อน หากถูกทำลายเกิน 50% พ่นสารฆ่าแมลง เช่น ปิโตรเลียมสเปรย์ออยล์ โคลไทอะนิดิน ไทอะมีทอกแซม หรือ อิมิดาโคลพริด
  4. พ่นสารฆ่าแมลงให้ทั่วทั้งหลังใบและหน้าใบ
  5. กรณีพบการระบาดซ้ำ ให้พ่นซ้ำ

ข้อควรระวัง

  • การใช้ปิโตรเลียมสเปรย์ออยล์ ต้องใช้อัตราน้ำมากกว่าการพ่นสารฆ่าแมลงทั่วไป เพื่อให้สารน้ำมันเคลือบใบพืช

แหล่งข้อมูล

  • กรมวิชาการเกษตร (https://www.doa.go.th/)
  • สำนักงานเกษตรจังหวัดชลบุรี

หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม

  • ติดต่อเจ้าหน้าที่เกษตรใกล้บ้านท่าน

มาช่วยกันป้องกันสวนส้มของเราจากหนอนชอนใบส้ม เพื่อผลผลิตที่มั่นคงและปลอดภัยกันครับ

#หนอนชอนใบส้ม #ส้ม #มะนาว #มะกรูด #ส้มเขียวหวาน #เกษตรไทย

Esri map ทำแผนที่แล้วแชร์ให้เพื่อน ๆ ทำยังไง ไปดู!!!

Esri map ทำแผนที่แล้วแชร์ให้เพื่อน ๆ ทำยังไง ไปดู!!!            สวัสดีครับ ผมขอเล่าเรื่องราวที่ได้ไปลงพื้นที่เมื่อสัปดาห์ก่อนให้ฟังหน่อยนะคร...